Rudolph's Red Nose Shining

หน่วยที่5

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1. ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 

 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์  ( COMPUTER NETWORK ) 

            หมายถึง 
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป เข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ใน เครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้

2.องค์ประกอบของการส่งข้อมูล


    
 มีองค์ประกอบที่สำคัญ 5 ส่วน คือ 
1. ผู้ส่ง  (Sender)
2. ผู้รับ   (Receiver)
3. ข้อมูล (Data)
4. โปรโตคอล (Protocol)

5. อุปกรณ์สื่อกลาง (Transmission Medium)
               คำอธิบาย: http://itcomntwork.files.wordpress.com/2013/02/4image4.jpeg
                      ภาพแสดงองค์ประกอบของการส่งข้อมูล

3.ประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
         ทำให้เกิดการสื่อสารข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ที่รวดเร็วขึ้น  ทำให้คอมพิวเตอร์หลายเครื่องที่ต่อร่วมเครือข่ายกันนั้นสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สรุปได้ดังต่อไปนี้
3.1  ระบบเครือข่ายในบริเวณเฉพาะที่
     ให้ประโยชน์ในด้านการใช้ข้อมูลร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ข้อมูลในฐานข้อมูลเดียวกันทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นปัจจุบันมากที่สุด เช่นอุปกรณ์ประเภทเครื่องพิมพ์ (Pinter) เครื่องกราดตรวจ(Scanner) 
  
                      คำอธิบาย: http://www.weloveshopping.com/shop/client/000058/dd_printer/t13.jpg
                         ภาพแสดงตัวอย่างเครื่องพิมพ์ (Pinter)

                  
คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj0TvCvcqCWlh8qRMeyAb7hyphenhyphenynVapTJ76TIqX9VVhZ7hOSeRDE50SYxDMus0mKOUKRhzUsAEIZRaVGXRry0CFCZZkUWDk_tvJcdPl3GfvbUVOWbz8Qktq_ofgj5Lcjdu1SHMAHCT0mgXG6K/s320/epson_perfection2480scanner.jpg
                  ภาพแสดงตัวอย่างเครื่องกราดตรวจ ( Scanner )

3.2 ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต


        เป็นระบบใหญ่เชื่อมต่อโยงกันทั่วโลก ตัวอย่าง ประโยชน์ที่เรานำมาใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ การสื่อสารด้วยไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(E-mail) การศึกษาแบบE-Learning


                 คำอธิบาย: http://www.radompon.com/mlearning/contentict/u6/email.jpg
               ภาพแสดงตัวอย่างการสื่อสารด้วยไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(E-mail


3.3  ระบบเครือข่ายร่วมปฏิบัติ

            
                เป็นระบบเครือข่ายที่ทำให้เกิดการรวมพลังของคอมพิวเตอร์เครือข่ายมาทำงานร่วมกัน  ขณะที่มีการนำระบบนี้มาใช้ในงานวิจัย เพื่อถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์  คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่กระจายอยู่ในประเทศต่างๆ  ทั่วโลกสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการวิจัยได้ และ แต่ละเครื่องจะได้รับส่วนแบบของงานคำนวณมาทำ  สมรรถนะของคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในเครือข่าย จึงยิ่งกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ใดๆ ในโลกทำให้งานวิจัยสามารถสำเร็จลุล่วงได้ในเพียงไม่กี่ปี  แทนที่จะต้องใช้เวลานานนับสิบๆ  ปี


4.ประเภทของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


           เครือข่ายสื่อสารของคอมพิวเตอร์อาจมีขนาดใหญ่ หรือขนาดเล็กอาจเป็นส่วนบุคลหรือสาธารณะ และอาจจะเป็นแบบไร้สายหรือใช้สายหรือใช้ทั้งสองแบบร่วมกัน ในทำนองเดียวกันเครือข่ายขนาดเล็กอาจจะมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายขนาดใหญ่ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้งานในปัจจุบันสามารถแยกได้ 3 ประเภทใหญ่   ดังนี้

4.1 LAN (Local Area Network)  เครือข่ายบริเวณเฉพาะที่

       
         การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน เช่น การเชื่อมต่อในตึกเดียวกัน หรือห้องเดียวกัน การเชื่อมต่อในมหาวิทยาลัย โดยส่วนมากจะใช้สายเคเบิล ในการติดต่อสื่อสารกัน

            คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEha_9m11dbVVZb7bUo3l-vRWB9lzTgdekoGWybPK_bfpeAvNqEHZi5Jc9b7b9H5PqTPq1a7tmE8dtCKG_-Cqufr-rmHPkXwYLKH0txsdi12p5_oDaoyuEUiZ2kVPC-JH5a1RaiNKYPVakI/s400/lan.gif
          ภาพแสดงตัวอย่างการเชื่อมต่อระบบเครื่อข่ายบริเวณเฉพาะที่ (LAN)

4.2 MAN (Metropolitan Area Networkเครือข่ายบริเวณนครหลวง


         เป็นการนำระบบ LAN หลายๆ LAN ที่มีพื้นที่อยู่ใกล้เคียงกันอาจตั้งอยู่ ห่างไกลกันในช่วง 5 ถึง 50 กิโลเมตร มาเชื่อมต่อกัน 
มักจะเป็นบริษัทหรือ หน่วยงานขนาดใหญ่

                    คำอธิบาย: http://computernetworkingtopics.weebly.com/uploads/1/0/2/3/10235412/4647385.png?406

           ภาพแสดงตัวอย่างการเชื่อมต่อระบบเครื่อข่ายบริเวณนครหลวง (MAN)


4.3 WAN (Wide Area Network) เครือข่ายบริเวณกว้าง


             
เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง เช่น ระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานทั่วโลก เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่อยู่ห่างไกลกันเข้าด้วยกัน อาจจะต้องเป็นการติดต่อสื่อสารกันในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลกก็ได้ในการเชื่อมการติดต่อนั้นจะต้องมีการต่อเข้ากับระบบสื่อสารขององค์การโทรศัพท์หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทยเสียก่อน เพราะจะเป็นการส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารกันโดยปกติมีอัตราการส่งข้อมูลที่ต่ำและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด การส่งข้อมูลอาจใช้อุปกรณ์ในการสื่อสาร เช่น โมเด็ม (Modem) มาช่วย
                                                  คำอธิบาย: http://ecomputernotes.com/images/Wide-Area-Network.jpg
       ภาพแสดงตัวอย่างการเชื่อมต่อระบบเครื่อข่ายบริเวณกว้าง (WAN)

               
คำอธิบาย: http://itcomntwork.files.wordpress.com/2013/02/e0b8a3e0b8b9e0b89be0b8a0e0b8b2e0b89e3.jpg?w=600&h=449
                                ภาพแสดงเปรียบเทียบขนาดของ LAN  MAN  WAN

*อีก2ระบบเครือข่ายที่สำคัญ 

- PAN(Personal Area Network)  ระบบการติดต่อสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล

          
            คือ "ระบบการติดต่อสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล" ย่อมาจาก Personal Area Network หรือเรียกว่า BluetoothPersonal Area Network (PAN)คือเทคโนโลยีการเข้าถึงไร้สายในพื้นที่เฉพาะส่วนบุคคล โดยมีระยะทางไม่เกิน 1เมตร และมีอัตราการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงมาก (สูงถึง 480 Mbps) ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้กันแพร หลาย

                       คำอธิบาย: http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type2/tech04/02/21%5b1%5d.png
- CAN (Campus Area Networks)  
         
          มีกฎเกณฑ์เหมือนแลนแต่มีขนาดใหญ่ หลากหลาย แคนทำให้สำนักงานของมหาวิทยาลัย หรือองค์กรต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันได้ เช่น ในมหาวิทยาลัยมีการเชื่อมต่อแผนกการเงินกับแผนกทะเบียนของมหาวิทยาลัย




·         ตัวอย่างอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สำคัญ

บริดจ์ (Bridge)
          เป็นอุปกรณ์ที่มักจะใช้ในการเชื่อมต่อวงแลน (LAN Segments) เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถขยายขอบเขตของ LAN ออกไปได้เรื่อยๆ โดยที่ประสิทธิภาพรวมของระบบ ไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากการติดต่อของเครื่องที่อยู่ในเซกเมนต์เดียวกันจะไม่ถูกส่งผ่าน ไปรบกวนการจราจรของเซกเมนต์อื่น และเนื่องจากบริดจ์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในระดับ Data Link Layer จึงทำให้สามารถใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่แตกต่างกันในระดับ Physical และ Data Link ได้ เช่น ระหว่าง Eternet กับ Token Ring เป็นต้น

เราเตอร์ (Router)
         เป็นอุปรณ์ที่ทำหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 3 เราท์เตอร์จะอ่านที่อยู่ (Address) ของสถานีปลายทางที่ส่วนหัว (Header) ข้อแพ็กเก็ตข้อมูล เพื่อที่จะกำหนดและส่งแพ็กเก็ตต่อไป เราท์เตอร์จะมีตัวจัดเส้นทางในแพ็กเก็ต เรียกว่า เราติ้งเทเบิ์ล (Routing Table) หรือตารางจัดเส้นทางนอกจากนี้ยังส่งข้อมูลไปยังเครือข่ายที่ให้โพรโทคอลต่างกันได้ เช่น IP (Internet Protocol) , IPX (Internet Package Exchange) และ AppleTalk นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นได้ เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต

สวิตซ์ (Switch)
         คืออุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่ในเรเยอร์ที่ 2 และทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ตเฉพาะที่เป็นปลายทางเท่านั้น และทำให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตที่เหลือส่งข้อมูลถึงกันในเวลาเดียวกัน ดังนั้น อัตราการรับส่งข้อมูลหรือแบนด์วิธจึงไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันนิยมเชื่อมต่อแบบนี้มากกว่าฮับเพราะลดปัญหาการชนการของข้อมูล

ฮับ (HUB)
        หรือ เรียก รีพีทเตอร์ (Repeater) คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มคอมพิวเตอร์ ฮับ มีหน้าที่รับส่งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง ไปยังพอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับฮับจะแชร์แบนด์วิธหรืออัตราข้อมูลของเครือข่าย เพราะฉะนั้นถ้ามีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อมากจะทำให้อัตราการส่งข้อมูลลดลง

เซิร์ฟเวอร์ (Server)
          หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องแม่ข่าย เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หลักในเครือข่าย ที่ทำหน้าที่จัดเก็บและให้บริการไฟล์ข้อมูลและทรัพยากรอื่นๆ กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ใน เครือข่าย โดยปกติคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์มักจะเป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูง และ มีฮาร์ดดิกส์ความจำสูงกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่าย


5.รูปแบบการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์

          การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานร่วมกันจะมีองค์ประกอบหลัก  
ส่วน ด้วยกัน คือ ส่วนของฮาร์ดแวร์หรือส่วนเครือข่ายเชิงกายภาพ  และส่วนของซอฟต์แวร์หรือส่วนการจัดการ



1 ฮาร์ดแวร์หรือส่วนเครือข่ายเชิงกายภาพ

           หรืออุปกรณ์เครือข่าย  ได้แก่  สายนำสัญญาณ  แผ่นวงจรเครือข่าย  ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์  และอุปกรณ์อื่น ๆ  ที่เครือข่ายใช้ในการรับ-ส่งข้อมูล

เครือข่ายเชิงกายภาพ (Physical Networking) หรือ ฮาร์ดแวร์

             ส่วนเครือข่ายเชิงกายภาพหรืออุปกรณ์ทางด้านฮาร์ดแวร์  ในส่วนนี้เราคงเข้าใจง่าย เนื่องจากเป็นส่วนที่สามารถมองเห็นได้ คือ ส่วนของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ อันได้แก่ สายนำสัญญาณ แผ่นวงจรเครือข่าย  (LAN Card)  ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์  อุปกรณ์  ฮับ  (Hub)  และสิ่งอื่นๆ  ที่ทำให้เครือข่ายทำงานสิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับส่วนเครือข่ายเชิงกายภาพทั้งหมดก็คือเรื่องของฮาร์ดแวร์

ลักษณะสถาปัตยกรรมเครือข่ายเชิงกายภาพ  (Physical  Topologies)
           สิ่งที่เข้าง่ายที่สุดของระบบเครือข่ายทางด้านกายภาพ  คือ  สายไฟฟ้าหรือสายเคเบิล       เราเรียกกันว่าสายโคแอกซ์   (coaxial cabies)   หรือสาย  RG  58  ซึ่งมีลักษณะคล้ายสายสัญญาณเคเบิลทีวีที่ใช้ตามบ้านทั่วไป

รูปแบบสถาปัตยกรรมเครือข่าย
             จำแนกตามลักษณะของการเชื่อมต่อได้ดังนี้

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFiQfumBaY46ZOI_gwl-arKOZmWdUvZkIohE2_ukRVWBpAX6LmovSoKZ0OQEn5SFNlW3zdi4QA4Om5dbvXjnXnh5c5HbpPmZn2v-8OHPC-MsgPFvIV_pZAZk5SPM3GKkJR6-TLwhEL938/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E7.png



1.สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบบัส  (Bus Topology)
       
เป็นเครือข่ายที่ง่าย โดยเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยสายเคเบิลยาวต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgO1L0fgePpvD_bIdg77ly9vUEVCXsnz7PVKSxA7PZEfHXPos0qvLCPUcsViGy4fdlUccKKUBPXXZ1e-frflOasGllSzgnuaVQtx0wDamCV28t0BOq5opAhUe9jONg7hdLg8v5eLS3vb7c/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E6.png



2.สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบดาว(Star Topology)
      
มีอุปกรณ์ประเภท HubหรือSwitchเป็นศูนย์กลางหากเวลาที่มีสายเส้นใดหลุดหรือเสียจะไม่มีผล
ต่อการทำงานของระบบ

คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgZEGXXMUIR1i5o3wLfn8aJIl5pBa6KYRDDS-4PcV17mHkJiLJXXBTsYaKWTuwTG0T6vctVbGyenlCAx7bat8ALMCYNKtrE1ppG95jtMh1qjexCjoYHtwsVo7x1HEcy-NtYoOxThMIOikM/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E5.png



3.สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบวงแหวน  (Ring Topology)

     การต่อลักษณะนี้จะไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสุดท้าย การส่งข้อมูลจะวิ่งผ่านคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในรูปวงแหวน
    
คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjmpSj6D1mZl3uigHpjJaQK48vUWLv48TWa_wrSzNjsgrFKwiMgYiNOWmYP6SyRkne6ilMd8DE7LnC7s6qXUJwPhuL0nU8_RQmcFk3KTniNgxUuu7gUnCA-siEtf4zMFZpvUi6wOBuXp6Y/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E4.png




4.สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบต้นไม้  (Tree Topology)

     คือการผสมผสานการเชื่อมต่อแบบBus+Star เข้าด้วยกัน แต่จะยากต่อการติดตั้งและเดินสาย 
  
คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFGisw2tOSTxISwOVzVmS0fa43GOg7NWgcFFoS__N9dN1SAg4eLihRVAPjP4-Ay4Jx1_RolGPQMbVzs26bH97toE_IfBQeqPofr1xBUNkQTMbZEzngYKnPjdinafAOJyUeS8pAg-jSee0/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E3.png

5.สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบเมซ  (Mesh Topology)

      หรือแบบตาข่าย ใช้ในระบบเครือข่ายบริเวณกว้าง มีค่าใช้จ่ายมากกว่าระบบอื่นเพราะต้องใช้สายสื่อสารเป็นจำนวนมาก
คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgsbYZXqRmCWSWs3kS9FThO8W9TMmTmZUDqsOhrDG0kMixEi1qUgE_BPZXNI7M0ySVDxTIOYqZQnDYJ8dodUgpZKnpOUljGF_z6svjUGDSmYypTN-koQ1MVhZH8TsXb2WE4hYd5LJYblk4/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E2.png


6.สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบผสม  (Hybrid Topology)

     คือการนำเอาเครือข่ายหลายๆแบบมาผสมมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน พิจารณาตามความเหมาะสม


คำอธิบาย: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEHed6vnxo_hUUA-pccjDlW5uDtCyvPTjqPa0PSXttg4CNfThg7AR5HM_nT_kjgsQSZSZ8lzAZm4Z6tXCpVSLjcNxSLJr_opKrs0vlvwvgZdmKs2qb30Z1DwfdVVoVO9B6qhlNWEh3_e0/s1600/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E1.png

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น